การกำหนดมาตรฐานคุณภาพของครูในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูจะต้องทำกิจกรรม 7 อย่างคือ 1) การวิเคราะห์หลักสูตร 2) การวิเคราะห์ผู้เรียน 3) การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย 4) การใช้เทคโนโลยีเป็นแหล่งและสื่อการเรียนรู้ของตนเองและนักเรียน 5) การวัดและประเมินผลตามสภาพจริงอย่างรอบด้านและเน้นพัฒนาการ 6) การใช้ผลการประเมินเพื่อแก้ไขปรับปีรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ 7) การใช้การวิจัยปฏิบัติการในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนและการสอนของตน จากประเด็นดังกล่าว นักศึกษาจะนำวิธีดังกล่าวมาจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เมื่อนักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (ข้อสอบ 20 คะแนน) ยกตัวอย่างออกแบบการจัดการเรียนรู้
ปัจจุบันการศึกษาเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและสำคัญที่สุดของมนุษย์ เพราะการศึกษามีบทบาทต่อการพัฒนา ความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้าของประเทศเป็นอันมาก การพัฒนาคุณภาพของมนุษย์และการสร้างพลังในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบันจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในทุกด้าน ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม และมีคุณธรรม มีความรู้ จริยธรรมและมีวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข การจัดการศึกษาในปัจจุบันจึงต้องเป็นการศึกษาที่ต่อเนื่องตลออดชีวิต
การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนมี ความรู้คู่คุณธรรม ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และมีวิสัยทัศน์ที่ดีกว้างไกล ดังนั้นการจัดการศึกษาจึงมีความจำเป็นและเป็นหน้าที่ที่สำคัญของโรงเรียนที่ต้องจัดการศึกษามีการส่งเสริม และสนับสนุนให้ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยจัดการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และมาตรฐานด้านปัจจัยกำหนดให้ครูมีความสามารถในการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หลักการที่สำคัญในการจัดการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีดังนี้
๑.เป็นกระบวนการที่เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนและรู้จักรับผิดชอบด้วยตนเอง
๒.มีการเรียนรู้หรือศึกษาการเรียนรู้ได้จากแหล่งต่าง ๆ มากมายไม่ใช่ศึกษาหาความรู้จากแหล่งเดียว หรือเพียงในห้องเรียนเท่านั้น
๓.เป็นการจัดกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนได้ค้นพบด้วยตนเอง
๔.เป็นกระบวนการที่มีส่วนช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี
๕.เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญต่อการเรียนของผู้เรียน
๖.ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับชีวิตจริงของแต่ละบุคคลจากหลักการดังกล่าวจะนำไปสู่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมและเป็นผุ้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองอย่างมีความสุขโดยครูผู้สอนต้องลดบทบาทและปรับเปลี่ยนกระบวนการของตนจากการเป็นผู้บอกความรู้ให้แก่ผู้เรียนมาเป็นผู้สนับสนุน ผู้ชี้แนะ ที่ปรึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนมากที่สุดตามศักยภาพของแต่ละบุคคล จัดประสบการณ์ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ค้นพบคำตอบด้วยตนเอง โดยมีครูและนักเรียนร่วมกันบอกแหล่งความรู้การพัฒนาความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้าของประเทศเป็นอันมาก การพัฒนาคุณภาพของมนุษย์และการสร้างพลังในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบันจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องพัฒนามนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในทุกๆด้าน ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม และมีคุณธรรม มีความรู้ จริยธรรมและมีวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข การจัดการศึกษาในปัจจุบันจึงต้องเป็นการศึกษาที่ต่อเนื่องตลออดชีวิต
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
หน่วยที่ ๓ พูดดีมีเสน่ห์ เวลา ๖ ชั่วโมง
เรื่อง วิเคราะห์วรรณกรรม เวลา ๑ ชั่วโมง
วันที่…..เดือน……พ.ศ......
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดไปใช้ติดสินใจแก้
ปัญหาและสร้างวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิตและมีนิสัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคุณค่า และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
สาระสำคัญ
การอ่านวิเคราะห์เนื้อหาจากบทเรียนเป็นการเพื่อจับใจความสำคัญแล้วแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์และประเมินค่า เป็นพื้นฐานที่จำเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ จนสามารถวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น ในงานเขียนทุกประเภทได้
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
๑. นักเรียนจับใจความสำคัญของเรื่องได้
๒. นักเรียนแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมินค่าได้อย่างมีเหตุผล
๓. นักเรียนตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องได้
สาระการเรียนรู้
บทเรียนเรื่อง เพื่อนกัน” แสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์และประเมิน
กระบวนการจัดการเรียนรู้
๑. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้
๒. สนทนากับนักเรียนเรื่อง “ การพูด , มีเสน่ห์ ” ว่ามีความหมายอย่างไร มีความสำคัญอย่างไร
๓. ครูยกตัวอย่างเรื่องจากประสบการณ์ให้นักเรียนฟัง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้กล้าแสดงออก
ในการตอบคำถาม
๔. นักเรียนอ่านเรื่อง “พูดดีมีเสน่ห์” ในใจแล้วจับใจความสำคัญ
๕. แบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม โดยคละความสามารถ ( เก่ง ปานกลาง อ่อน )
๖. ให้สมาชิกแต่ละคนมีหมายเลขประจำตัว ๑,๒,๓,๔,๕,๖ ให้นักเรียนศึกษาหัวข้อต่อไปนี้
กลุ่ม ๑ สรุปใจความสำคัญของเรื่อง“พูดดีมีเสน่ห์”
กลุ่ม ๒ บอกจุดประสงค์ของเรื่อง และความเป็นมาของเรื่อง
กลุ่ม ๓ จัดลำดับเหตุการณ์ของเรื่อง ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร
กลุ่ม ๔ สรุปและข้อคิดจากเนื้อเรื่อง
กลุ่ม ๕ ตัวละครและลักษณะนิสัยของตัวละคร
๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมารายงานหน้าชั้น พร้อมส่งเอกสารที่ครู เพื่อเก็บไว้ในแฟ้มสะสมงาน
๘. นักเรียนสรุปความรู้เป็นแผนผังความคิดส่งครู เพื่อเป็นการสรุปบทเรียน
สื่อ/แหล่งเรียนรู้
๑. เรื่องเล่าประกอบการเรียน
๒. แบบทดสอบก่อน–หลังเรียน
๓. หนังสือเรียน วิชาภาษาไทย ชั้น ม. ๑
๔. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
๕. แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรม และผลงานระหว่างเรียน
กระบวนการวัดผลประเมินผล
๑.วิธีการวัดและประเมินผล
๑.๑ กิจกรรม-พฤติกรรมที่ประเมิน
๑. สังเกตพฤติกรรมด้าน ความพอเพียง
๒. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน
๓. ประเมินพฤติกรรมและผลงานระหว่างเรียน
๒. เครื่องมือประเมินผล
๑.แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรม และแบบประเมินผลงาน
๒.แบบทดสอบก่อนเรียน
๓.แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรม และผลงานระหว่างเรียน
๓. วิธีการประเมิน
๑.สังเกตรายบุคคล
๒.ตรวจงานรายบุคคล
๓.สังเกตพฤติกรรม และผลงานระหว่างเรียน
๔.เกณฑ์การประเมิน
๑.สังเกตการอ่านผ่านเกณฑ์อย่างน้อยร้อยละ ๘o
๒.การตรวจผลงานผ่านเกณฑ์อย่างน้อยร้อยละ๘o
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น